วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

10 แบรนด์แฟชั่นที่ซื้อจากฝรั่งเศสถูกกว่าไทยเยอะ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า

1. Longchamp

Longchamp กระเป๋ายอดนิยมสัญชาติฝรั่งเศสที่เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ โดยเฉพาะรุ่นสุดฮิตอย่าง Le Pliage ด้วยทั้งสไตล์เรียบง่ายไม่แฟชั่นจ๋าจึงใช้ได้นาน แถมยังพับเก็บได้ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ จึงกลายเป็นหนึ่งในกระเป๋า Shopping Bag ในใจของหลายๆคน โดยจะมีการออกสีใหม่ๆตามฤดูกาลอย่างช่วง Spring/Summer และ Autumn/Winter สีที่ได้รับความนิยมส่วนมากจะเป็นสีเบสิคเพราะเข้าง่ายกับทุกๆชุด ในฝรั่งเศสส่วนมากจะมีสีและรุ่นให้เลือกเยอะมากๆ อย่าง Le Pliage รุ่นหนังแกะไซส์ S ที่พารากอนราคาประมาณ 20,000 บาท แต่ที่ช็อปฝรั่งเศสจะราคาประมาณหมื่นนิดๆ หรือรุ่น Le Pliage เบสิคสีพื้น ไซส์ M ในไทยราคาประมาณ 4,800 บาท ที่ฝรั่งเศสคิดราคาประมาณสองพันกว่าๆ ถ้าใครมีเวลาหรือต้องการซื้อจำนวนมากแนะนำให้ไป ร้าน La Maroquinerie Parisienne อยู่แถวๆสถานีรถใต้ดิน Havre – Caumartin ที่ราคาถูกกว่าห้างมากถึง 20% และร้าน KAM’S DUTY FREE ที่ว่ากันว่าถูกเกือบที่สุดในปารีสกันเลยทีเดียว


2. Louis Vuitton

Louis Vuitton อีกหนึ่งแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสยอดฮิตตลอดกาล มีทั้งกระเป๋า แว่นตา รองเท้า โดยเฉพาะกระเป๋าที่ฮอตฮิตแบบไม่มีเสื่อมคลาย โดยการซื้อจากฝรั่งเศสเมื่อเทียบกับราคาที่ไทยแล้วถือว่าถูกกว่าเป็นหลักหมื่นกันเลย ที่สาขา champ elysee จะเป็นสาขาขนาดใหญ่ทำให้มีของให้เลือกเยอะมากๆ แต่คนก็เยอะมากๆด้วยเช่นกัน หากไม่อยากรอคิวนานแนะนำให้ไปซื้อสาขาอื่นอย่าง สาขา Galleries Lafayett ไม่ต้องงงกับขั้นตอนเพราะมีพนักงานคนไทยคอยให้คำแนะนำดีมากๆ คนไม่เยอะมากนัก แถมยังสามารถทำเรื่อง tax คืนเป็นเงินสดได้ทันที


3. Chanel

สำหรับคนที่เสาะหากระเป๋ารุ่นที่หายากๆการมาซื้อที่ปารีสเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สุดๆ อย่างรุ่น Classic Flap ขนาด Medium ที่ฝรั่งเศส ราคาประมาณ 172,354 บาท ที่ช็อปในไทยจะราคาอยู่ที่ 204,700 บาท เรียกได้ว่ารุ่นที่ว่าหายากๆในไทยแต่ที่บางสาขาในปารีสวางขายเรียงกันแบบไม่ต้องกลัวไม่ได้ซื้อ อีกทั้งยังมีสีพิเศษๆที่หลายๆแบบไม่มีในไทยหรือน้อยๆมากๆให้ได้จับจองเป็นเจ้าของกัน แนะนำให้ไปซื้อที่ สาขา  Chanel rue saint honore  อันเป็นสาขาแรกของแบรนด์นี้ ซึ่งจะมีความพิเศษอยู่ที่ตัวถุงจะเป็นสีขาวและตัวหนังสือสีดำที่จะเป็นเอกลักษณ์เฉาพะสาขานี้เท่านั้น


4. YSL

ที่มีชื่อเต็มๆว่า อีฟส์ แซ็งต์ ลอร็องต์ (Yves Saint Laurent)แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำจากฝรั่งเศสที่เหล่าเซเลบริตี้นิยมจนกลายเป็นเทรนด์ ที่ภายหลังไม่ได้มีเฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้น แต่มีการแตกไลน์สินค้าเพิ่มเติมทั้งเครื่องสำอางและน้ำหอม โดยแหล่งยอดนิยมที่สุดในการช็อปนั่นคือ Duty free Paris Look เนื่องจากมีสินค้าให้เลือกเยอะ และที่สำคัญมีรุ่นแบบ Limited Edition ที่มีขายเฉพาะปารีสให้เลือกซื้ออีกด้วย


5. Givenchy

แบรนด์ระดับไฮเอนด์สัญชาติฝรั่งเศสที่เป็นที่นิยมสำหรับเหล่าแฟชั่นนิสต้ามากๆ มีตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ กระเป๋า เครื่องสำอาง น้ำหอม และครีมบำรุงผิว โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่แต่ละคอนเลคชั่นที่ออกมาเด็ดๆทั้งนั้น ส่วนคนที่ชอบดีไซด์แบบคลาสสิคก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะกระเป๋าบางรุ่นก็เรียบหรูดูดีใช้ได้นานแบบไม่ต้องกลัวความว่า Out อย่างรุ่น Givenchy Antigona Bag ที่ไม่ว่าจะหยิบจับใช้โอกาสไหนก็ดูเข้ากันได้หมด  หาซื้อก็ไม่ยากเพราะมีสาขาในปารีสมากถึง 7 สาขา แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องรุ่นที่ต้องการแบบใหม่ๆก็แนะนำให้ไปช็อปปิ้งที่ Outlet ชื่อดังอย่าง La Vallee Village ราคาก็จะลดหนักกว่าที่ช็อปหลักพอสมควร

6. Hermes

ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์อภิมหาไฮเอนด์ที่ซื้อยากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก ที่ขนาดมีเงินในกระเป๋าก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อบางรุ่นได้ต้องจองก่อนยาวๆ ส่วนมากจะมีไม่กระเป๋าเอามาโชว์ภายในร้าน สินค้าที่น่าจะสามารถซื้อได้ก็น่าจะเป็นพวก accessories ราคาดีงามพอๆกับที่มิลาน แนะนำที่สาขาถนน Saint-Honore และสาขา Rue de Sevres เขต6 ร้านขนาดใหญ่ เดินสบายคนไม่เยอะมาก ในส่วนของสาขายอดนิยมอย่าง สาขา Champs-Elysees ไปง่าย เสียแต่ว่าคนเยอะมากๆ ของมีให้เลือกน้อย และหลายๆชิ้นนี่หมดแทบตลอด


7. Balenciaga

แบรนด์แฟขั่นหรู จากประเทศสเปน มีสินค้าแฟชั่นหลากหลายชนิด ตั้งแต่ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยเป็นหลักหมื่นบาท เช่น กระเป๋ารุ่นใหญ่ยอดฮิต City ไซต์ 12 ราคาที่ไทยประมาณ 70,000 บาท ที่ฝรั่งเศสจะประมาณ 1200 ยูโร หรือประมาณ 45,000-50,000 บาทแล้วแต่ค่าเงิน


8. Burberry

แบรนด์หรูจากเกาะอังกฤษมีลายสก็อตที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ในฝรั่งเศสมีแบบสวยหลากหลายและแถมราคาถูกกว่าไทยเยอะ โดยปารีสมีช็อปของ Burberry  อยู่ประมาณ 7 – 8 แห่ง และทุกสาขาจะปิดทำการในวันอาทิตย์ ที่ราคาดีสุดๆแนะนำให้ไปที่ Marche de la Valley รับรองว่าคุ้ม


9. Moschino

แบรนด์แฟชั่นสุดชิคจากอิตาลี ที่สีสันสดใสมากด้วยสไตล์โดดเด่น โดยมี 2 สาขาในปารีส ที่ย่าน Faubourg St. Honorè และ 64 Boulevard Hausmann ราคาสินค้ามีตั้งแต่ 3,000 บาท ไปจนถึงหมื่นนิดๆ ที่ถูกน่าซื้อสุดๆน่าจะเป็นรองเท้าถูกมากจนอดใจไม่ซอไม่ไหวแน่ๆ


10. Chrome hearts
แบรนด์ฝั่งอเมริกาที่มีช็อปที่ยุโรปแค่ในปารีสกับลอนดอนเท่านั้น โดยหมวกและเครื่องประดับเงินของที่นี่จะมีความฮิปเต็มไปด้วยสไตล์แบบเฉพาะตัวสุดๆ แต่ละชิ้นถูกออกแบบมาได้ชิค ดูมีความเป็นร็อคแฝงกลิ่นอายความดิบๆ เน้นใช้วัสดุหลักอย่างเงินรมดำ มีสัญลักษณ์ที่เห็นปุ๊บรู้ปั๊บคือไม้กางเขน ปัจจุบันกลายมาเป็นเครื่องประดับที่นักร้องตัวท็อปทั้งในเอเชียหรือเซเลบริตี้ระดับโลกนิยมใส่กันอย่างเจ้าพ่อแห่งแฟชั่นเกาหลีอย่าง GD จีดาก้อน และ แทยัง แห่งวง Bigbang ก็ยังเลือกใช้เครื่องประดับ เสื้อผ้า และหมวกของแบรนด์นี้ ซึ่งในฝรั่งเศสจะมีบางรุ่นที่ไม่มีในไทย แถมยังมีให้เลือกเยอะกว่ามาก โดยสาขาปารีสอยู่ที่ย่าน Montaign

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เทศกาลและวันสำคัญของฝรั่งเศส

เทศกาลน่าเที่ยวและวันสำคัญต่างๆของประเทศฝรั่งเศส


     ฝรั่งเศสจะมีเทศกาลสำคัญจัดขึ้นเกือบตลอดทั้งปี  ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย หากคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวฝรั่งเศสในช่วงเวลาดังกล่าวอย่าพลาดที่จะไปเที่ยวนะ!!

เทศกาล Le Carnival de Nice 
     งานคาร์นิวัลที่เมืองนีซ นั้นเป็นหนึ่งในงานคาร์นิวัลหลักๆ ของโลก นอกจาก งานคาร์นิวัลที่บราซิลและ งานคาร์นิวัลที่เวนิช อิตาลี เลยทีเดียว ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นทุกๆ ปีประมาณเดือน กุมพาพันธ์ ใน เมือง นีซ ประเทศ ฝรั่งเศส 
     จากบันทึกแสดงให้เห็นว่า งานคาร์นิวัลนี้มีมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1294 โดย ท่านเคาท์แห่งปรอแวนส์ (Count of Provence ) ได้จัดงานเฉลิมฉลองขึ้น จึงมีการสันนิฐานว่าเป็นจุดกำเนิดของงานคาร์นิวัลที่เมืองนิซแห่งนี้ โดยแต่ละปี งานคาร์นิวัลที่เมืองนีซมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมมากว่า 1,000,000 คนต่อดี ซึ่งมีการจัดงานยาวถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว 

เทศกาล Le Festival de Cannes 
     เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 ถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเทศกาลหนึ่ง และมีอิทธิพลมากที่สุดรวมถึงชื่อเสียง เทียบเคียงกับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน และเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ไม่เฉพาะภาพยนตร์ที่เป็นกระแสเหมือนกับ Holly woods แต่เป็นงานที่เปิดโอกาสให้กับภาพยนต์สั้นของผู้จัดทำภาพยนตร์อิสระ งานจัดขึ้นประจำปี ราวเดือนพฤษภาคม ที่ Palais des Festivals et des Congr?s ในเมืองคานส์ ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส 

เทศกาล Ferias de Nimes 
     งานเทศกาลที่เมืองนิมส์ เป็นการจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับความกล้าหาญในการต่อสู้ของวัวกระทิงและนักสู้วัวกระทิง หรือ โตแรโร ( Torero ) โดยนักสู้วัวกระทิงนี้มีสถานะที่เป็นเหมือนกับวีรบุรุษของชาติ เหมือนกับ นักฟุตบอลของประเทศเลยทีเดียว งานเทศกาลนี้ไม่จำเป็นต้องชมการต่อสู้วัวกระทิงเท่านั้น ยังมีกิจกรรมมากมายที่ทำให้งานเทศกาลที่เมืองนิมส์มีความรื่นเร่งเช่น การแสดงดนตรีตามถนนสายต่างๆ ภายในเมืองเป็นต้น



วันสำคัญของประเทศฝรั่งเศส

วันขึ้นปีใหม่ 
     10 มกราคมนี้เริ่มกำหนดใช้ในปี ค.ศ. 1564 และ วันที่ 31 ธันวาคมถือว่าเป็นการฉลองคืนส่งท้าย 
ปีเก่าเพื่อต้อนรับขึ้นวันปีใหม่ด้วย ในวันขึ้นปีใหม่นี้ ถือเป็นโอกาสที่จะให้ของขวัญ (เงิน) กับเด็ก ๆ 

เอพิพานี (Epiphanie) 
     เทศกาลของชาวคริสเตียน ในโบสถ์ละติน เป็นการฉลองการมาเยี่ยม พระเยซูของ Rois mages โดยธรรมเนียม มีการทานขนมหวาน เค้ก (รูปทรงมงกุฎในทางตอนใต้) หรือ กาแลตดูครัว (ทางเหนือของฝรั่งเศส) จัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม 

ชองเดอเลอ (Chandeleur) 
     2 กุมภาพันธ์ วันทางศาสนาของชาวคริสเตียน แรกเริ่มมาจาก เทศกาลแสงไฟ ในปี ค.ศ. 472 เทศกาลนี้ได้กลายเป็นการเฉลิมฉลองการเป็นตัวแทนของ พระเยซูภายในโบสถ์ตามธรรมเนียมมีการทำขนมเครป แล้วโยนขึ้นกลับด้านโดยกำเงินไว้ในมือ อีกข้างเพื่อถือเป็นการนำโชคดีมาสู่ตัวผู้โยน 

มาร์ดี-กรา (Mardi-gras) 
     เทศกาลของชาวคาทอลิก เมื่อวันสิ้นสุด 7 วันหลังเทศกาลงานรื่นเริง (ซึ่งผ่านมื้ออาหารกันมาตลอดสัปดาห์) วันนี้กำหนดขึ้น 47 วันก่อนเทศกาลอีสเตอร์ และเป็นการ เริ่มต้นของกาเรม (เทศกาลถือศีลอด) สัญลักษณ์ของเทศกาลนี้คืองานกานาวาล (ซึ่งมีความหมายถึงการเอาเนิ้อออก หรือการเริ่มต้นการถือศีล) ตามธรรมเนียมต้องการให้ชาวบ้านแต่งตัวหลากหลายในวันนั้น (ในทุกวันนี้กลายเป็นเด็ก ๆ ) ในบางหมู่บ้านมีการเผาตุ๊กตากานาวาลในวันงานด้วย 

Mercredi des Cendres 
     เทศกาลของชาวคาทอลิก เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาลถือศีลอด เป็นสัญลักษณ์ให้เตือนถึงการตาย 
- อาทิตย์แรกของเทศกาลศีลอด (1er dimanche de Carême) ไม่มีกิจกรรมใด ๆ พิเศษ 
- พฤหัสบดีกลางเทศกาลศีลอด (Jeudi de la Mi-cerême) เป็นสัญลักษณ์ครึ่งนึงของช่วง 
- เทศกาลถือศีลอดที่มี 40 วัน(โดยไม่นับวันอาทิตย์) ตรงกับวันพฤหัสบดีของอาทิตย์ที่ 3 ของตลอดระยะเวลาเทศกาลถือศีล เป็นการพักของช่วงการถือศีล ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยฉลองกันนัก 

Dimanche des Rameaux
     รำลึกการเดินทางถึงนครเยรูซาเลมของพระเยซู และความรักของ พระเยซุคริสต์และการเสียชีวิตบนไม้กางเขน 

วันอาทิตย์อีสเตอร์ (Dimanche de Pâques) 
     3 วันหลังจากวันสิ้นชีพของพระเยซุ พระเยซูได้ ฟิ้นคืนชีพ เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันสำคัญที่สุดของปฎิทินชาวคริสต์ เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นสุดของเทศกาลถือศีลอด วันอีสเตอร์สอดคล้องกับวันอาทิตย์แรกต่อจากวันพระจันทร์เต็มดวงในฤดูใบไม้ผลิ ชาวคริสต์ต้องหยุดงานเพื่อไปสวดมิซซา ในวันนี้พระสันตปะปาจะประทานพรในฝรั่งเศสตามธรรมเนียมทำการมอบไข่ (ช็อกโกแลต) หรือของประดับธรรมเนียมอิ่น ๆ เกี่ยวกับอาหาร : ทานแกะ 

วันจันทร์อีสเตอร์ (Lundi de Pâque)
     ในยุคกลางตลอดสัปดาห์หลังเทศการอีสเตอร์เป็นสัปดาห์นักขัตฤกษ์ ในปัจจุบันเหลือลงเพียงวันจันทร์ และไม่ใช่งานฉลองที่เคยทำอย่างสม่ำเสมอ ในกรณีของฝรั่งเศสไม่มีการฉลองเป็นพิเศษ 

วันนำสาร (Annonciation) 
     25 มีนาคม ตามศาสนาคริสต์ เทวดากาเบรียล นำสารมาบอกมารีถึงการตั้งครรภ์พระเยซู 9 เดือนก่อนวันคริสต์มาสถือได้ว่าเป็นวันจุติของพระเยซู 

วันรำลึกการถูกคุมตัว(Souvenir déportés)
     เป็นวันระลึกถึง 150000 ฝรั่งเศสที่ถูกนำตัวไปเข้าค่ายกักกันของนาซี ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 วันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายนวันรำลึกนี้จัดอยู่ในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน 

วันแรงงาน ( Fête du travail) 
     1 พฤษภาคม เป็นธรรมเนียมของผู้ใช้แรงงานในการต่อสู้ที่มีอยู่ทั่วโลก ในประเทศส่วนใหญ่จัดเป็นวันหยุดประจำปี ประเทศฝรั่งเศสเริ่มต้นในปี 1919 และในปี 1947 เป็นวันหยุดเต็มวันโดยได้รับค่าแรงด้วย ในวันนี้สหภาพแรงงานต่าง ๆ จะเดินขบวนกันตามเมืองต่าง ๆ ของประเทศ และมีการมอบช่อดอกมูเก้ด้วย 

วันกลับคืนสู่สวรรค์ (Jeudi de l’Ascension) 
     เป็นการฉลอง 39 วันหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ หลังจากลงมาเผยแพร่คำสอน พระเยซุก็ได้เสด็จกลับขึ้นสวรรค์

วันฉลองชัยชนะ (Victoire 1945) 
     ชัยชนะทีมีต่อเยอรมันในยุคการครอบครองโดยทหารนาซี สันติภาพได้กลับคืนสู่ทวีปยุโรป โดยสัญญาสงบศึกที่ทำขึ้นในวันที 8 พฤษภาคม 1945 เวลาประมาณเที่ยงคืน โดยมีนายพลโซเวียต Jpukov ฝ่ายนาซี Keitel ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และนายพล de Lattre ของฝรั่งเศส เป็นวันนักขัตฤกษ์ตั้งแต่ปี 1953 แต่ได้ถูกยกเลิกไปในสมัย V.Giscard d’Estaing และได้กลับมากำหนดใหม่ในยุคของ F.Mitterrand 1 มิถุนายน 1981 

วันอาทิตย์ปงโตโค๊ต (Dimanche de Pentecôte)
     เป็นวันเทศกาลของชาวคริสต์ กำหนดขึ้น7 อาทิตย์หลังเทศกาลอีสเตอร์ เพื่อรำลึกถึงวิญญาณศักด์สิทธิ์

ทรินิเต้ (Trinité) 
     วันเทศกาลของชาวคริสต์ อาทิตย์ที่ 8 หลังจากเทศกาลอีสเตอร์ ปัจจุบันไม่ค่อยมีการเฉลิมฉลองมากนัก ในศาสนาคริสต์ ทรินิเต้เป็นการกล่าวถึงพระเจ้าใน 3 บุคคล พระบิดา บุตร และพระจิต 

วันพระเจ้า (Fête Dieu)
     ฉลองในวันพฤหัสบดีถัดจากวันทรินิเต้ (หรืออาจวันอาทิตย์ขึ้นอยู่กับทางปฎิบัติ) ฉลองถึงความเสียสละของพระคริสต์ โดยมีการแบ่งขนมปัง 




วันแม่ (Fête des mères)
     กำหนดเป็นทางการในปี 1928 กำหนดไว้ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม (หรือกรณีพิเศษเลื่อ่นไปในเดือนมิถุนายนหากชนกับปงโดโค๊ต) ในปัจจุบันกลายเป็นการค้าและเป็นวันที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ 

วันพ่อ (Fête des pères)
     เช่นเดียวกับวันแม่ แต่มีกำหนดขึ้นเป็นทางการในปี 1952 

วันชาติ (Fête Nationale)
      รำลึกถึงวันแห่งการปฎิวัติของฝรั่งเศส 1789 โดยเฉพาะการทำลายคุกบาสตีล ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1978 คุกบาสตีลเป็นคุกสำคัญของปารีส และเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจกษัตริย์ ในวันที่ 14 กรกฎาคม 1789 ชาวกรุงปารีสได้ทำการเผาและเข้ายึดคุก การเข้ายึดคุกบาสตีลนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศส 

วันอัสสัมซิยง (Assomption) 
     15 สิงหาคม วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกที่ทำการฉลองในการที่พระแม่มารีขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เป็นวันสำคัญกลางฤดูร้อน

Croix glorieuse
     14 กันยายน กำหนดโดยจักรพรรคดิ์กองสตองแตง ในปี ค.ศ. 335 ในปัจจุบันมีการฉลองในวันนี้ไม่มากนัก 

ตุสแซง (Toussaint) 
     1 พฤศจิกายน วันทางศาสนาของชาวคาทอลิก ในการเฉลิมฉลองให้กับทุกนักบุญโดยโบสถ์โรมัน ในวันนี้ได้กลายเป็นวันเยี่ยมหลุมฝังศพ เพือ่วางดอกไม้กับผู้เสียชีวิตไปแล้ว และดอกคริสซองแตม 

เดฟัน (Défunts)
     2 พฤศจิกายน ในฝรั่งเศสรวมกันกับวันหยุดตุสแซง วันสิ้นสุดสงคราวโลกครั้งที่ 1 (Armistice 1918) 11 พฤศจิกายน 1918 รำลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีการเซ็นสัญญายุติสงครามมที่ Rethondes ป่า Compiège (Oise)  

Christ Roi 
     วันทางศาสนาของชาวคาทอลิกอาทิตย์สุดท้ายของปี 5 อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส Avent ช่วงเวลาหลังจากคริสต์มาส ระหว่าง 3-4 สัปดาห์ 

คริสต์มาส (Noël) 
     เป็นเทศกาลการเกิดของพระเยซูคริสต์ มีการกำหนดขึ้นในปี ค.ศ. 354 โดยสันตปะปา Libère มีการประดับตกแต่งในวันที่ 24 ธันวาคมตอนเย็น ด้วยต้นสน คอกเด็ก ของขวัญ และทานอาหรระหว่างครอบครัว เทศกาลนี้ยังกลายเป็นสัญสักษณ์การทำค้าขาย อย่างมหาศาล 

วันครอบครัว (Saint famille)
     ต่อจากคริสต์มาส (อาทิตย์หรือศุกร์ถัดไปหากวันคริสต์มาส ตรงกับวันอาทิตย์)เป็นการสร้างครอบครัวโดยเยซูและมีบุพการีคือ มารีและโยเซพ


วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์

อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์(อังกฤษConvention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) หรือเรียกโดยย่อว่า ไซเตส (CITES) และเป็นที่รู้จักในชื่อ อนุสัญญากรุงวอชิงตัน (Washington Convention) เป็นสนธิสัญญาซึ่งเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518
ในปี พ.ศ. 2516 สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ(IUCN) ได้จัดการประชุมนานาชาติขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อร่างอนุสัญญาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุม 88 ประเทศ แต่มีผู้ลงนามรับรองอนุสัญญาฉบับนี้ทันทีเพียง 22 ประเทศ สำหรับประเทศไทยได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย แต่มาลงนามรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ. 2518 และให้สัตยาบันในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2526 นับเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 ปัจจุบัน ไซเตสมีภาคีทั้งสิ้น 181 รัฐ (ณ พฤษภาคม 2558)
เป้าหมายของไซเตส คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือถูกคุกคาม ทำให้ปริมาณร่อยหรอจนอาจเป็นเหตุให้สูญพันธุ์ วิธีการอนุรักษ์กระทำโดยการสร้างเครือข่ายทั่วโลกในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ (International Trade) ทั้งสัตว์ป่า พืชป่า และผลิตภัณฑ์ ไซเตสไม่ควบคุมการค้าภายในประเทศสำหรับชนิดพันธุ์ท้องถิ่น (Native Species) 
การค้าสัตว์ป่า พืชป่า และผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ จะถูกควบคุมโดยระบบใบอนุญาต (Permit) ซึ่งสัตว์ป่าและพืชป่าที่อนุสัญญาควบคุมจะต้องมีใบอนุญาตในการนำเข้า (Import) ส่งออก (Export) นำผ่าน (Transit) และส่งกลับออกไป (Re-Export) โดยชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่อนุสัญญาควบคุม จะระบุไว้ในบัญชีหมายเลข 1, 2, 3 (Appendix I, II, III) ของอนุสัญญา โดยได้กำหนดหลักการไว้ดังนี้

ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I)แก้ไข

ปลาตะพัด (Scleropages formosus)
เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์ ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัยหรือเพาะพันธุ์ ซึ่งต้องได้รับคำยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าเสียก่อน ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนุญาตส่งออกได้ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้น ๆ ด้วย 
ตัวอย่างของสัตว์ป่า ที่อยู่ในบัญชีนี้ได้แก่ แพนด้าแดง (Ailurus fulgensกอริลลา(Gorilla gorillaชิมแปนซี (Pan spp.เสือ(Panthera tigris subspecies) สิงโตอินเดีย(Panthera leo persicaเสือดาว (Panthera pardusเสือจากัวร์ (Panthera oncaเสือชีตาห์ (Acinonyx jubatusช้างเอเชีย(Elephas maximusช้างแอฟริกา(Loxodonta africanaพะยูนและแมนนาที(อันดับพะยูนสกุลแรด (except some Southern African subspecies populations) ปลาตะพัด (Scleropages formosusปลายี่สก (Probarbus jullieni) เป็นต้น
ตัวอย่างของพืชป่า ที่อยู่ในบัญชีนี้ได้แก่ เอื้องปากนกแก้ว (Dendrobium cruentum)

ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix II)แก้ไข

เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ยังไม่ถึงกับใกล้จะสูญพันธุ์ จึงยังอนุญาตให้ค้าได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วจนใกล้จะสูญพันธุ์ โดยประเทศที่จะส่งออกต้องออกหนังสืออนุญาตให้ส่งออกและรับรองว่าการส่งออกหนังสืออนุญาตให้ส่งออกและรับรองว่าการส่งออกแต่ละครั้ง จะไม่กระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ของชนิดพันธุ์นั้นในธรรมชาติ 
ตัวอย่างของสัตว์ป่า ที่อยู่ในบัญชีนี้ได้แก่ ซาวันน่ามอนิเตอร์ (Varanus exanthematicus) ปลาฉลามขาว (Carcharadon carchariasหมีดำ (Ursus americanusม้าลายภูเขาฮาร์นมันน์ (Equus hartmannaeนกแก้วจักจั่น(Psittacus erithacusอีกัวนาเขียว (Iguana iguanaหอยสังข์ราชินี (Strombus gigasMertens' Water Monitor (Varanus mertensi), bigleaf mahogany (Swietenia macrophyllaปลาฉลามปากเป็ดมิสซิสซิปปี(Polyodon spathula) เป็นต้น
ตัวอย่างของพืชป่า ที่อยู่ในบัญชีนี้ได้แก่ แก้วเจ้าจอม (Guaiacum officinaleพะยูง(Dalbergia cochinchinensis)

ชนิดพันธุ์ในบัญชีหมายเลข 3 (Appendix III)แก้ไข

เป็นชนิดพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วขอความร่วมมือประเทศภาคีสมาชิกให้ช่วยดูแลการนำเข้า คือจะต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก จากประเทศถิ่นกำเนิด
ตัวอย่างของสัตว์ป่า ที่อยู่ในบัญชีนี้ได้แก่ สลอธ 2 นิ้ว (Choloepus hoffmanniชะมดแอฟริกา (Civettictis civettaเต่าอัลลิเกเตอร์ (Macrochelys temminckii
ตัวอย่างของพืชป่า ที่อยู่ในบัญชีนี้ได้แก่ เมื่อยขาว (Gnetum montanum Markgr.)
การกำหนดรายชื่อชนิดพันธุ์ในบัญชีไซเตสใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ทั้งด้านอนุกรมวิธาน(Taxonomy) และข้อมูลด้านชีววิทยา(Biological Parameter) ได้แก่ ข้อมูลสถานภาพของประชากร (Population Status) แนวโน้มประชากร (Population Trends) การแพร่กระจาย (Distribution) สถานะแหล่งที่อยู่อาศัย (Habitat Availability) แนวโน้มด้านภูมิศาสตร์ (Geographic Trends) และการถูกคุกคาม (Threats) เป็นตัวกำหนด นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ทางการค้าและสถานภาพการทางกฎหมายประกอบในการพิจารณาด้วย

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561

   สนธิสัญญาริโอ
            หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีประเทศอังกฤษแลประเทศสยาม (อังกฤษTreaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam) หรือบนปกสมุดไทย ใช้ชื่อว่า หนังสือสัญญาเซอยอนโบวริง หรือที่มักเรียกกันทั่วไปว่า สนธิสัญญาเบาว์ริง (อังกฤษBowring Treaty)เป็นสนธิสัญญาที่ราชอาณาจักรสยามทำกับสหราชอาณาจักร ลงนามเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 โดยเซอร์จอห์น เบาว์ริง ราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย เข้ามาทำสนธิสัญญา ซึ่งมีสาระสำคัญในการเปิดการค้าเสรีกับต่างประเทศในสยาม มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ โดยการสร้างระบบการนำเข้าและส่งออกใหม่ เพิ่มเติมจากสนธิสัญญาเบอร์นี สนธิสัญญาฉบับก่อนหน้าซึ่งได้รับการลงนามระหว่างสยามและสหราชอาณาจักรใน พ.ศ. 2369
             สนธิสัญญาดังกล่าวอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำการค้าเสรีในกรุงเทพมหานครเนื่องจากในอดีตการค้าของชาวตะวันตกได้รับการจัดเก็บภาษีอย่างหนัก สนธิสัญญาดังกล่าวยังอนุญาตให้จัดตั้งกงสุลอังกฤษในกรุงเทพมหานครและรับประกันสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ตลอดจนอนุญาตให้ชาวอังกฤษสามารถถือครองที่ดินในสยามได้
             สรุปสาระสำคัญของสนธิสัญญาเบาว์ริง มีดังนี้
  1. คนในบังคับอังกฤษจะอยู่ภายใต้อำนาจควบคุมของกงสุลอังกฤษ นับเป็นครั้งแรกที่สยามมอบสิทธิสภาพนอกอาณาเขตแก่ประชากรต่างด้าว
  2. คนในบังคับอังกฤษได้รับสิทธิในการค้าขายอย่างเสรีในเมืองท่าทุกแห่งของสยาม และสามารถพำนักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครเป็นการถาวรได้ ภายในอาณาเขตสี่ไมล์ (สองร้อยเส้น) แต่ไม่เกินกำลังเรือแจวเดินทางในยี่สิบสี่ชั่วโมงจากกำแพงพระนคร คนในบังคับอังกฤษสามารถซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณดังกล่าวได้ คนในบังคับอังกฤษยังได้รับอนุญาตให้เดินทางได้อย่างเสรีในสยามโดยมีหนังสือที่ได้รับการรับรองจากกงสุล
  3. ยกเลิกค่าธรรมเนียมปากเรือและกำหนดอัตราภาษีขาเข้าและขาออกชัดเจน
    1. อัตราภาษีขาเข้าของสินค้าทุกชนิดกำหนดไว้ที่ร้อยละ 3 ยกเว้นฝิ่นที่ไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษี ส่วนเงินทองและข้าวของเครื่องใช้ของพ่อค้าไม่ต้องเสียภาษีเช่นกัน
    2. สินค้าส่งออกให้มีการเก็บภาษีชั้นเดียว โดยเลือกว่าจะเก็บภาษีชั้นใน (จังกอบ ภาษีป่า ภาษีปากเรือ) หรือภาษีส่งออก
  4. พ่อค้าอังกฤษได้รับอนุญาตให้ซื้อขายโดยตรงได้กับเอกชนสยามโดยไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งขัดขวาง
  5. รัฐบาลสยามสงวนสิทธิ์ในการห้ามส่งออกข้าว เกลือและปลา เมื่อสินค้าดังกล่าวมีทีท่าว่าจะขาดแคลนในประเทศ